Fan fiction NikaSen
(Nikaido Takashi x Senga Kento)
(Senga's part)
ผมมันบ้า!
บ้าเองแหละ!!
แต่คนที่มันทำให้ผมบ้าน่ะ มันโคตรเลวเลย!
ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้ ผมยังไม่เคยคิดจะทำอะไรแบบนี้เลยนะ
(ย้อนไปเมื่อสองวันที่แล้ว)
"เฮ้ย แม่งงจะจบแล้วนะเฟ้ยย"
"เออ แล้วไงวะ จบก็จบดิ"
"มึงไม่เห็นความสำคัญเลยจริงเรอะ?"
"ก็แล้วจะให้กูทำไงวะ สอบตกให้เรียนซ้ำจะได้ไม่ต้องจบน่ะเหรอ"
"จะไม่ได้เจอหน้ามันแล้วนะเฟ้ย"
"เออ กูไม่อยากเจอ เกลียดขี้หน้าแม่ง"
'มัน' ในที่นี้ที่เพื่อนผมมันพูดหมายถึง เขา
จะใครอีกล่ะครับ อย่ามาทำหน้าสงสัยกันดิ
คนที่ตอนเกิดก็เกิดที่โรงบาลเดียวกัน
บรรดาพ่อแม่สนิทกัน
บ้านก็ใกล้กัน
เรียนด้วยกัน
กินด้วยกัน
อาบน้ำ
นอน
...
ไม่เคยมีใครถามว่าผมอยากอยู่กับมันบ้างมั้ยสักคำ! ยัดเยียดตลอดด ทั้งป๊าทั้งม๊าทั้งเพื่อน ไอ้เพื่อนนี่แหละ แม่งตัวดีเลย!
คนที่คอย 'ทำด้วยกัน' มาตลอด17ที่ผ่านมา
ก็คือไอ้บ้า...
พลั่ก!
"ยะโฮ้ว เค็นโตะ~"
"ทักดีๆก็ได้ ไม่เห็นจะต้องตบหลังกันแทบหักเลย ไอ้บ้าพลัง"
"ฮ่าๆๆ อะไรแค่นี้อ่อนเหรอวะ"
"ไปไกลๆตีนกูเลย ชิ่ว"
"เออก็ได้ ไปอยู่กะโฮชิก็ดะ" แล้วมันก็เดินไปเกาะมิยะตะที่นั่งตรงข้ามผม
"โทชิยะเฟ้ยย มาโฮชิอะไรฟระะ ปั๊ดเลยหนิ" มิยะตะโวยวายเสียงดัง
ไอ้บ้าพลังเนี่ยแหละ ...ที่'ด้วยกัน'มาตลอดกับผม นิไคโด ทาคาชิ ทั้งๆที่น้องสาวมันก็ออกจะบอบบางแท้ๆ ไหงพี่โคตรถึกเลยย
ไม่รู้ตัวเองไปชอบไอ้แนวแบบนี้เข้าได้ยังไง(///)
ใช่แล้วล่ะ ที่มิยะพูดทาตั้งแต่ต้นก็คือ มันจะให้ผมไปสารภาพความรู้สึกของตัวเองกับไอ้ถึกนั่นวันเรียนจบ ไม่มีทางซะหรอกก ฝันไปเถอะ ยิ่งกับคนขี้อายแบบผมด้วย เชอะ!
ในขณะที่ร่างบางกำลังหงุดหงิดและบ่นงึมงำอยู่กับตัวเองอย่างอารมณ์เสียอยู่ เขาไมีมีทางจะรู้ได้เลยว่ายังมีสายตาคู่หนึ่งลอบมองมายังที่ๆตัวเองนั่งอยู่
ไม่อะไรยังไง แต่สรุปว่าผมก็โดนยุขึ้นจนได้ มองหน้ามิยะทีไรใจอ่อนยอมมันหมดทุกที ไอ้ยิ้มเฮงซวยนั่น! หงุดหงิดเฟร้ยย
(กลับมาสู่วันต้นเหตุ)
"นักเรียนที่จบออกไปนั้น จะต้องคำนึง..." เสียงอาจารย์ใหญ่ดังก้องผ่านเครื่องขยายเสียง จริงๆแล้วผมควรจะอยู่ที่ห้องประชุมร่วมกับเพื่อนปีเดียวกัน ถ้าไม่ติดว่าเมื่อสักครู่ผมเพิ่งมีปัญหาไป...
เรื่องของเรื่องคือ ก่อนเข้าห้องประชุมนิดหน่อย ผมก็ดั๊นสะเออะจะไปเข้าห้องเรียนเก่าเพื่อระลึกความหลังซะหน่อย จู่ๆก็มีเด็กนักเรียนหญิงคนนึงวิ่งออกมาจากห้องพอดี เธอร้องไห้ไปด้วย
อะไรน่ะ ร้องไห้วันเรียนจบเนี่ยนะ ไม่เป็นมงคลเอาซะเลย ผู้หญิงก็ล่ะนะ อ่อนแอชะมัด
กึก ตอนที่มือผมกำลังผลักประตูเข้าไป ร่างกายก็ชะงัก มีร่างๆหนึ่งนั่งเงียบๆในห้องนั้น ร่างที่คุ้นตามาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา
มันมานั่งอะไรตรงนี้วะ
ขนลุกชะมัด
แต่ไม่ทันที่จะทักอะไรออกไป จู่ๆไอ้บ้านั่นก็พูดขึ้น(กับตัวเองเนี่ยนะ!?)
'จากนี้ไปเธอก็คงจะได้มีรักใหม่ซะทีนะ...' น้ำเสียงเศร้าๆนั่นช่างบีบรัดหัวใจผมเหลือเกิน ไม่รู้ทำไม แต่ฟังแล้วมัน..เจ็บจัง
ผมถอยหลังกลับออกจากห้องโดยอัตโนมัติ ทว่าก็สายเกินไปเสียแล้ว เมื่อบังเอิญไปทำให้อีกฝ่ายีรับรู้การมาของตัวเองซะแล้ว
'โอ๊ะ เค็นโตะ!' เสียงหมอนั่นดูตกใจ แล้วจู่ๆก็หน้าแดงขึ้นมา ราวกับรู้ว่าผมได้ยินสิ่งที่มันพูดตะกี๊นี้
'ลืมของเหรอ?' เสียงแหบแต่พยายามกระแอมกลบเกลื่อน บ่งบอกให้ดูว่าฝ่ายนั้นกำลังกลบเกลื่อนความเขินของตัวเองอยู่
'เปล่า... ไปละ'
'เฮ้ เดี๋ยว สิ!' เขารีบเดินเข้ามาจับมือผมนั้งไว้แน่นหลังจากที่ผมพูดอย่างเย็นชาออกไป
'ปล่อย...'
'เดี๋ยวสิ แปปนึง'
'...'
'เมื่อกี๊ได้ยินรึเปล่า' หน้าเริ่มแดง
'ได้ยินอะไร'
หมอนั่นเกาหัวแล้วยิ้มเก้อๆ อ๋อเข้าใจแล้ว กับยัยนั่นสินะ! ทั้งได้ยินแล้วก็เห็นเลยล่ะ ชัดมะ!
'อือ' ผมงืมงำ รีบพยายามสะบัดข้อมือตัวเองให้หลุดจากมือหนานั่น
'เดี๋ยวก่อน' น้ำเสียงเริ่มเข้มขึ้นตามแบบของนิไคโดเวอชั่นดุ ผมเริ่มกลัว..ซะที่ไหนเล่า!
'อะอะไร?'
'นายคงไม่ได้...คิดอะไรผิดๆไปหรอกนะ' เสียงเขาแสดงถึงความสงสัย
'ผิดอะไร อะไรที่ว่าผิด?'
'ก็...'
'ทุกอย่างออกจะชัดเจน แค่เห็นก็เข้าใจแล้วนี่'
'มันไม่..'
'พอดีเถอะ ขอโทษนะที่เข้ามาขัดจังหวะบทพระเอกน่ะ ก็ไม่คิดว่าแกจะมีคนที่ชอบละ...'
โอ๊ย ผมกัดปากตัวเอง พูดอะไรลงไปฟะไอ้บื้อเซ็นเอ๊ยย!! ไอ้บ้านั่นเงยหน้ามอง จนผมต้องรีบหลบสายตา
'ปะไปละ...'
'เดี๋ยวสิ!' มันจับข้อมือไว้แน่น อ้ากก ไอ้บ้านี่หนิ! ปล่อยกูว้อยย
'นายหมายถึงอะไร? ตั้งใจจะมาพูดอะไรงั้นเหรอ?'
ถ้ามันโง่และซื่อบื้อขนาดนี้ ก็อย่ารู้เลย ใครที่ไหนมันจะไปบอกวะ!! แม่งงงงงงงง
'ปล่อยนะเฟ้ยย เจ็บ!!'
แล้วมันก็ปล่อยจริง -_- ทำเอาผมกระเด็นไปเลย บอกแล้วไอ้หมอนี่มันบ้าพลัง!
'นายตั้งใจจะบอกอะไรฉันงั้นสินะ'
'...'
'อะไรเหรอ?'
'...'
'...'
'...'
'...'
'ว้อยย เลิกจ้องหน้าแบบนั้นซักทีสิวะ!'
'ก็ตอบมาสิ ฉันฟังอยู่'
'...ฉัน'
'...'
ผมเกลียดไอ้หน้าตาใสซื่อที่มันจ้องเหมือนจะเค้นเอาคำตอบให้ได้ไรงี้เลย! ผมกัดริมฝีปากแน่น เอาไงเอากันดีมั้ยวะ ไหนๆก็เจอตัวละ วันสุดท้ายแล้วด้วยนี่ เดี๋ยวก็เข้ามหาลัย ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้าย คำพูดหว่านล้อมของมิยะตะวนเวียนอยู่ในหัวผม
'ชอบแกว้อยยยยย' >///<!!!!!!!!!!!!!
ปังงงงงงงงงง ผมเตะโต๊ะตัวใกล้สุดแล้วหันหลังวิ่งหนีออกไป เอ๊ะ ฉากคุ้นๆนะ รู้สึกเหมือนเด็กคนตะกี๊เลย-_- พระเจ้า นี่ผมเป็นเด็กผู้หญิงที่สาีภาพรักแล้วเขินจัดจนวิ่งหนีออกมางั้นเรอะ!
(เหตุการณ์ปัจจุบัน ที่ระเบียงแปลงเกษตร)
ด้วยแบบนี้แหละ ผมจึงทนเห็นหน้ามันไม่ได้ ปลีกตัวออกมา นึกแล้วอยากเอาหัวจุ่มชักโครกให้มันปั่นชะมัด แม่งงงงง ทำอะไรน่าอายแบบนั้นลงไปได้ไงกันฟระ
"ไอ้บ้าพลังเอ๊ย!!" ผมตะโกนอยู่คนเดียว แล้วถอนพืชผักในแปลงโยนลงคลองข้างหน้าต้นแล้วต้นเล่า
"ไอ้บื๊อสิบชาติ!"
"มีแฟนอยู่แล้ว ไม่คิดจะบอกกันซักคำ!"
..ปล่อยให้รักได้อยู่ตั้งนาน
"แล้วยังจะให้พูดอะไรน่าอายๆแบบนั้นอีก"
เฮงซวยเอ๊ย ผมรู้สึกได้ว่าน่าตัวเองเริ่มร้อนผ่าว เพราะอากาศอ้าว(?) พอดีกับตอนที่..
สวบ มือหนาสวมเข้ากอดจากทางด้านหลัง ผมนิ่งแข็งพักใหญ่ก่อนได้สติหันไปเจอกับใบหน้าที่คุ้นเคยดี เดาได้ไม่ยากว่า ผมดิ้นพล่าน
"ปล่อยนะเฟ้ย! ทำบ้าอะไรวะ!"
เสียงหัวเราะสั้นๆผ่อนออกมา ตามด้วยคำพูดเบาๆที่ข้างหู
"ทำไมอยู่ดีๆถึงหนีออกมาล่ะ"
"คะใครหนีวะ มะไม่ได้หนีเฟ้ยย"
ยิ่งผมเขิน ก็จะยิ่งดิ้นมากขึ้น ยิ่งดิ้นมาก แขนที่โอบรอบเอวก็จะยิ่งรัดแน่นมากขึ้น
"รีบออกมาก่อนงานจบ มันไม่ดีนะ"
ใครสนล่ะวะ
"รีบออกมาก็พลาดอะไรไปเยอะเลยนะ"
กะอีแค่งานจบ ใครมันจะสนฟะ
"นายต้องสนแน่" ราวกับอ่านใจได้ นิไคโดกอดเอวผมแน่นขึ้น และกระซิบลงไปให้เสียงผ่านใบหูทะลุถึงซอกคอ
"ในเมื่อมันออกมาจากปากของคนที่จริงใจกับนายมากที่สุดในโลก..."
"..."
"คนอย่าง นิไคโด ทาคาชิ"
"..." หัวใจเริ่มทำงานหนักมากขึ้น
และจะยิ่งทำงานโหมกระหน่ำมากกว่านี้ เมื่อได้ยินคำๆนั้นออกจากปากคนอย่างเขา
คำๆนั้นที่คอยวนเวียนในฝันคืนแล้วคืนเล่า
คำว่า ...
(จบ)
...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น