หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

Happy Birthday Senchan!


☆☆☆☆3語☆☆☆☆

Happy Birthday Senchan!

ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงให้ผมมารับหน้าที่บรรยายในตอนนี้ คนมี่พูดเก่งๆในวงมีถมไปมีเยอะแยะ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนนึงชัวร์

เค็นโตะกับผมเป็นเพื่อนกันมานาน รู้จักกันตั้งแต่เข้าบริษัทครั้งแรกๆเลย เพราะงั้นไม่มีทางที่ผมจะลืมวันเกิดเขา หรือเขาจะคิดว่าผมลืมเด็ดขาด เพียงแต่โอกาสที่จะรับของขวัญหรือฟังคำอวยพรจากผมน่ะ ตอนนี้มีเป็น 0 % เท่านั้นเอง!

เพราะแม่นางแกกำลังงอนผมอยู่น่ะสิ!

เมื่อเช้าตรู่ ประมาณตี5 ที่ทนแหวกขี้ตาตื่นขึ้นมาจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเป็นคนแรก ผมย่องเข้าห้องนอนเค็นจังอย่างเงียบๆ ปรากฏว่ามันลงกลอน! ห้องมันล็อค! ทั้งทีทุกทีไม่เคย!

อืมม ตอนแรกก็นึกว่าลมือคงพลาดไปกดไรงี้ ผมเลยกลับเข้าไปนั่งๆนอนๆในห้องตัวเองแล้วเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีคือเก้าโมงครึ่ง! ตาเหลือกเลยครับ ห้องที่ผมเช่าอยู่กับเค็นโตะน่ะ ปกติเขาจะเป็นคนทำอาหารให้ทุกมื้อ (นี่แหละเหตุผลที่ย้ายจากบ้านซึ่งไม่ค่อยมีใครทำให้กินมาอยู่หอ)

"อ้าว กับข้าวล่ะ?"
"หมดละ หิวก็เชิญไปกินที่อื่น"

ให้ตาย! เขาหัดพูดแบบนี้กับผม คนที่เป็นเพื่อนสนิทแท้ๆของตัวเองลงได้ไงกัน หรือเขาจะนึกจริงๆว่าผมลืมวันเกิด-_- ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ผมเดินตรงเข้าไปกอดคนในครัวจากด้านหลังขณะเขากำลังล้างจาน ร่างนั้นแข็งเกร็งขึ้นทันที

"โกรธอะไรน่ะ?  สุขสันต์วันเกิดนะคนดี"
"ปล่อย" เสียงนั้นไม่อ่อนลงเลย ปกติพอโดนผมอ้อนนิดยิ้มให้หน่อยจะเบาลงนี่นา
"เป็นไรไป..."
"เปล่า ฉันไม่อยากได้คำอวยพรหรือของขวัญจากนายสักนิด ไปไหนก็ไป!"
"..."

ว่าผู้หญิงเวลาโกรธเวลางอนน่ากลัวแล้ว ลองมาเจอหมอนี่งอนหน่อยมั้ย บอกตามตรงว่าโคตรงง! เดาไม่ถูกเลยว่าสาเหตุจะมาจากอะไร จะต้องเริ่มกลับไปแก้ไปขอโทษเรื่องอะไร?

"ตามใจสิ ไม่อยากได้ก็แล้วไป"
"..."

แต่ผมคงอ้อนงัอเขาไม่นานหรอก รู้สึกเบื่อน่ารำคาญขี้เกียจเกินไปที่จะง้อ ผมปล่อยมือออกจากเอว พูดท่าทางเฉยเมยที่สุด ก่อนเดินออกจากห้องไป

ถึงจะเป็นวันเกิดเค็นโตะก็ใช่ว่าจะเป็นวันหยุด ถึงจะออกมาจากห้องนั้น แล้วมาตุปัดตุเป่เหล่สาวไปเรื่อยข้างถนน แต่ก็ยังต้องเจอกันอยู่ดี เพราะวันนี้มีคิวถ่ายแมกของวง

อย่างที่คิด เขาก็ไม่พูดกับผมเช่นเคย ไม่แม้แต่จะมองหน้า ไม่ซักนิดที่จะเหลียวหรือชายสายตามามองผมเลย ชักจะโกรธบ้างเหมือนกันแล้วนะ! เอาแต่คลุกอยู่กับวัตตะบ้าง มิยะบ้าง หรือทามะ ราวกับกำลังจะกันผมอยู่แน่ะ เอ๊ะ หรือเรียกเขี่ยทิ้งดีฟะ

"เอ้าๆ มารวมๆที่ฉากนี้เร็ว ยิ้มงามๆให้กล้องด้วยนะจ๊ะ ต๊ายย เซ็นจัง! ทำไมยิ้มเกร็งแบบนั้นล่ะจ๊ะ เอ้าา นิไคโด หนูจะบึ้งไปถึงเมื่อไหร่ เอ้ะ ไหงสองคนนี้แยกกันล่ะ โยโกะจ๊ะ ไปอยู่แทนนิไคโดที แล้วนิไคโดเขยิบมาเร็วเร้ว!"

ช่างภาพของแมกนี้เป็นตุ้ดล่ะครับ เพราะงั้นเรื่องโพซิชั่นของรูปที่ถ่ายจะต้องเป็นเลิศ ละเอียด สมบูรณ์แบบตรงตามใจเขาทุกประการ โดยเฉพาะความปลื้มในตัวผมกับเค็นโตะจะต้องใกล้กันเสมอ ผิดแบบไม่ได้

ผมเดินข้ามไปยังที่ของวัตตะเดิม แล้วก็กอดคอเค็นโตะอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มกว้างเต็มที่ ฝ่ายคนโดนกอดตัวเกร็งขึ้นทันที ผมเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่พอใจแวบหนึ่งก่อนจะกลับมายิ้มปกติตามเดิม

หึ แกล้งเล่นหน่อยดีกว่า รังเกียจกันนักใช่มั้ย

หมับบ

"อะ.."
"เอ้า ชีสสสสสสสส"
"อะ..."
"(^O^)"
"..."

เมื่อเห็นคนขัางตัวกำลังจะก้มหน้างุด ผมก็ใช้มือเชยคางหมอนั่นขึ้น พร้อมกับกระซิบเสียงกวนๆ

"ถ้าไม่ยิ้มจะหอมแก้มโชว์แล้วนะ มองกล้องด้วย..."

ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นเมื่อคนขี้อายมองขวับมาทางผมแล้วขึงสายตาใส่ ผมยังยิ้มยั่วต่อไป แม้สูทที่ใส่จะทำให้ร้อน  เหงื่อออกแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ผมชักจะสนุกกับการแกล้งคนซะแล้วล่ะ!

การถ่ายแมกของเราผ่านไปได้ด้วยความเพลิดเพลิน(คงมีแต่ผมนี่แหละเพลินคนเดียว) เซ็ตต่อไปยิ่งน่าสนุก เป็นเซ็ตคู่ที่จะถ่ายผมกับเค็นโตะสองคนเท่านั้น คนอื่นช่างมัน ใครสนล่ะว่าจะไปคู่ใคร แค่ผมได้คู่กับเค็นจังก็โอแล้วล่ะ

เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีดำลายเหมือนกันทั้งสองตัว กับกางเกงยีนส์เข้าคู่กัน แถมหมวกแก๊ปอีกคนละใบ ดูยังไงก็เหมือนฝาแฝดกันมาก ผมเหลือบมองอีกคนที่ยังยืนนิ่งมองเสื้อผ้าแล้วลอบขำในใจ หึ จะเกลียดกันมากแค่ไหนยังไงวันนี้ก็ต้องใส่เหมือนกันอยู่ดีแหละ

"มะมองอะไร?"
"เปล่านี่ แค่คิดว่าเสื้อสวยดีนะ มีฮู้ดด้วย"
"..."

คนตรงหน้าไม่ตอบ เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด ผมยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุกก่อนเดินตามร่างนั้นเข้าไปในห้องเดียวกัน

"นาย! เข้ามาทำอะไรด้วยเนี่ย!"
"เปลี่ยนเสื้อไง" ผมตอบหน้าตาย แต่ในใจกำลังฮากระจาย
"กะก็ไปเข้าห้องอื่นดิ"
"ทำไม อายเหรอ? นี่อย่าทำยังกับเราไม่เคยโป๊ใส่กันงั้นดิ"
"ยะยังไงก็ไม่ได้! ออกไปซะ.." เสียงเริ่มอ่อยลง

มีใครเคยบอกรึเปล่าว่า เวลาหมอนี่เขินแม่งโคตรน่ารักน่าแหย่น่าแกล้งต่อชะมัด ผมทำเป็นไม่สน แล้วถอดเสื้ออกเพื่อใส่ตัวใหม่แทน แต่สายตาเหลือบมองไปทางอีกคนตลอด เขาก้มหน้างุดพร้อมหันหลังให้ ผมสังเกตว่ากลอนล็อคประตูดีแล้วจึงหันไปสวมกอดร่างบางกว่าทันทีขณะกำลังถอดเสื้อเพื่อใส่ตัวใหม่พอดี ร่างนั้นเกร็งขึ้นมาเหมือนเดิม ราวกับปฏิกิริยาเมื่อผมสัมผัสตัวเขา

"อารมณ์ฉุนเฉียวในวันเกิดตัวเอง เขาว่าวันเกิดปีนั้นจะหงุดหงิดตลอดทั้งปีเลยนะ" ผมยั่วด้วยเสียงกวนเบาๆ

"ปล่อยนะ จะอะไรมันก็เรื่องของฉัน! นายมีสิทธิ์อะไร! ปล่อยสิ!"
"ชู่ ตะโกนทำไม เดี๋ยวคนข้างนอกได้เข้าใจผิดว่าฉันทำร้ายพอดีดิ"
"ก็จริงไม่ใช่เรอะ"

เมื่อถูกคนตรงหน้าตอบอย่างท้าทาย ก็เลยอดไม่ได้ อยากสั่งสอนกลับบ้าง ผมกอดกระชับเข้าไปอีก จนได้ยินเสียงหายใจเข้าดังๆเนื่องจากถูกรัดขาดอากาศ

"บอกมาก่อนว่าโกรธเรื่องอะไร?"
"ไม่ได้โก.."
"โกหกทำไม?"
"ปะ..."

ก๊อกๆๆ

ใครบางคนกำลังเคาะประตูเรียกสองคน จนผมต้องปล่อยคนในอ้อมแขนเพื่อชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอกทั้งๆที่ยังเปลือยท่อนบน

"อะ อยู่นี่จริงๆด้วย"
"มีอะไร?"

ถึงจะเป็นรุ่นพี่ แต่เข้ามาขัดจังหวะในเวลาแบบนี้ ผมก็ชักสีหน้าและขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่คิตะยามะ เพราะตัวผมบังคนข้างในซะมิด ทำให้คนข้างนอกไม่สังเกต เขาจึงพูดต่อไป

"กายะให้ฉันเอามาคืนนาย.. ขอบใจนะ ขอโทษจริงๆ ถ้าฉันไม่คืนมันหมอนั่นต้องอาละวาดอีกแหงๆ" มิทสึวางสร้อยคอที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่มือผม ทันใดนั้นเองผมว่าตัวเองชักจะเข้าใจอะไรบางอย่างละ จึงยิ้มออกไป

"หึ เข้าใจแล้ว... งั้นไว้วันหลังค่อยพาไปเลี้ยงวันเกิดละกันนะ"
"อื้ม เอาราเม็งเจ้าประจำที่เราเคยกินบ่อยๆนะ"
"ขอมาก็จัดให้"

พอคิตะยามะไปแล้ว ผมก็ปิดประตูลงหันไปยังอีกคน อย่างที่คาดเลย เขากำลังมองผมด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ วินาทีนี้เองที่ผมเข้าใจอะไรหมดทุกอย่าง

แต่ถึงกระนั้นก็ยังคิดอยากจะแกล้งต่อ..

"อะไร มองอะไรน่ะ?"
"เมื่อกี้มิทสึเหรอ?"
"อืม เอาของมาคืนน่ะ" ผมชูสร้อยให้ดู พอเห็นท่าทางงอนๆเข้าเลยแย้บเข้าไปอีก "มิทสึบอกว่าของโหลน่ะ นายจะเอามั้ย?"

เท่านั้นแหละครับ เส้นประสาทขาดผึงเลย เค็นโตะปาเสื้อตัวเองใส่ผมซะเต็มหน้า ก่อนจะปึงปังเดินออกไป

"ไม่เห็นจะอยากได้ ไม่ใช่ของขวัญของตัวเองซักหน่อยนี่!"

ปังงง

เขาปิดประตูกระแทกใส่ผม ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังสนุกมากมาก หึๆ ช่วงถ่ายกัน เราต่างคนต่างก็มีลูกกวาดถืออยูาในมือ เค็นโตะดูนิ่งและเงียบกว่าที่คิด ส่วนผมก็สนุกกับการโพสต์ท่าแนบชิดที่ดูพี่ตากล้องจะพอใจกับผมมาก

"เอ้า น้องเซ็นจ้ะ แนบชิดๆหน่อยสิ จะกระเถิบออกทำไมล่ะนั่น แหม หิวข้าวเหรอไง ทำหน้าแบบนั้น"
"ขอโทษครับ" เค็นโตะขอโทษขอโพยแต่ก็ยังไม่ยอมเขยิบเข้าใกล้ผม ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้เล่นสนุก เอ้ย หน้าที่ของเพื่อนสนิท(ผู้กำลังเล่นสนุก) ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

"แปปนะครับพี่" ผมบอกแล้วแกะอมยิ้มในมือให้พลาสติกออก และ...
"อุ้บ!"
"กรี้ดดดดดดดดด น่ารักมากกกกก! ทำดีมากจ้ะนิไคโด><!"

"ทะทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!" เค็นโตะเอาอมยิ้มที่ผมเพิ่งยัดใส่ปากออกแล้วส่งกลับคืนมือผม
"อ่าว หิวไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ กินไปก่อนสิ"
"ใครบอกว่าฉันหิวฟะ!"
"อ่าว ก็หน้านาย..." ผมตีหน้าซื่อก่อนเอาอมยิ้มในมือที่เพิ่งถูกจับใส่ปากคนตรงหน้าอมใส่ปากตัวเอง

เค็นโตะหน้าแดงเมื่อเห็นสิ่งที่ผมกำลังทำ หึ สนุกจังแฮะ เป็นอันว่าเขายิ่งโกรธผมมากกว่าเดิม ส่วนผมก็ยิ่งเมามันส์กว่าเดิมในระหว่างการถ่ายทำ ฮ่าๆๆ

////////

ชั่วโมงถัดมาหลังถ่ายเสร็จ ผมเดินอย่างหัวเสียเข้าห้องเปลี่ยนชุด หงุดหงิดชะมัด ยิ้งเห็นยิ้มบ้าๆบอๆของหมอนั่นแล้วอารมณ์เสียจริงๆ

"เฮ้ย ชิบหาย" ขณะกำลังถอดเสื้อเพื่อจะใส่ตัวเก่ากลับบ้านก็นึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวเก่าถูกตัวเองปาใส่เจ้านั่นเรียบร้อยแล้วนี่

ผมเดินหงุดหงิดๆรอบๆสตูเพื่อค้นหาเสื้อตัวเอง(จากหมอนั่น) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ ดังนั้นจึงเดินไปหาพี่สต๊าฟแถวนั้น

"พี่ฮะ เอ่อ พี่เห็น นิไคโด ทาคาชิ รึเปล่าน่ะฮะ"
"อะไร นิกะจังน่ะเหรอ เรียกซะเป็นทางการเชียวนะ"
"อ่า..."
"ไม่นะจ้ะ น่าจะกลับไปแล้วนี่"
"หา!!!"
"มะมีอะไรเหรอ?"
"คือเสื้อผมอยู่ที่มัน เอ้ย ที่เข้าน่าครับ แบบนี้ไม่มีเสื้อใส่กลับน่ะสิ..."
"อุ้ย ใส่ตัวนี้กลับก็ได้นี่ สวยดีออก"
"แต่เสื้อนี่ของบริษัทนะฮะ"
"ไม่ใช่แล้วจ่ะ ตัวนี้เป็นของเธอแล้วนะรู้มั้ย?"
"..."
"นิกะจังน่ะเพิ่งซื้อเซ็ตนี้ไปเอง"
"อะไรนะ ซื้อเหรอ? แล้วเซ็ตนี่หมายความว่า..."
"ใช่จ่ะ เขาเพิ่งซื้อเสื้อคู่ของเธอกับตัวเองไป ที่สำคัญซื้อไปตั้งแปดหมื่นเยนแน่ะ><"
"8หมื่น!!!"

โอยยย ฟังตัวเลขแล้วลมจะจับ 8หมื่นนี่มีศูนย์กี่ตัวนะ ห้าหรือหกตัวน่ะ? นายบ้าไปแล้วเหรอไง! เย็นนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่องซะแล้ว!

แต่ผิดคาดเมื่อกลับถึงห้อง เขาไม่ได้อยู่ที่ห้อง ด้วยความโกรธ หงุดหงิดหรืออะไรก็ช่าง ทำให้ผมหยิบโทรศัพท์กดไปยังเบอร์เจ้าของที่สมควรถูกกด สัญญาณดังไม่ถึง2ทีดี ปลายสายก็กดรับ แถมพูดด้วยเสียงกวนประสาทที่สุดอีก

"ว่าไง เสื้อสวยใช่มั้ยล่ะ?"
"นายบ้ไปแล้วเรอะ แปดหมื่นเลยนะ! ซื่อไปได้ยังไงเนี่ย!"
"ตัวละสี่หมื่นก็คุ้มก็คุ้มอยู่นะ"
"คุ้มบ้านพ่อเอ็งเด่ะ!" แล้วฟิวส์ผมก็ขาด หมอนี่ชอบทำเล่นๆจริงๆทั้งวันเลยนะ
"ฮ่าๆๆ คุ้มสิ แค่เราได้เสื้อคู่รักเหมือนกันในวันเกิดสุดพิเศษของนาย แค่นี้ก็เกินพอแล้วล่ะ" เสียงเขาช่างนุ่มนวล สะกดผมไว้กับที่
"..."

และเสียงที่นุ่มนวลนั่นก็กล่อมโสตประสาท เชื่อมเส้นประสาทและฟิวส์ที่ขาดไปให้กลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้งด้วยคำพูดเบาๆว่า

"สุขสันต์วันเกิดนะเค็นโตะ"

Happy Birthday Mikkun~


☆☆☆☆2語☆☆☆☆

Happy Birthday Mikkun~

เอาจริงๆนะ
ขอสารภาพเลยว่าผมลืมวันเกิดคิตะยามะล่ะ

ถ้าไม่ได้วันเกิดมิยะตะมาช่วยไว้ล่ะก็ คงโดนงอนอีกนานแหง!

ก็แหม พักนี้คนมันฮอตอ่ะนะ งานการเข้าแล้วเข้าอีกเข้าจนปวดหัวเข้าจนไม่ได้นอนเข้าจนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย...

วันนี้เป็นวันเกิดของคิตะยามะ ฮิโรมิทสึล่ะ เมื่อ3วันก่อนตอนวันเกิดจองมิยะน่ะ ผมก็ว่าตัวเองจำวันเกิดของมิทสึได้แล้วนะ แต่ไหงวันนี้กลับลืมได้ฟะ

ถึงจะไม่ได้บอกว่าลืมก็เถอะ แต่รู้สึกเหมือนกำลังโดนโกรธ งอน เชิดใส่อยู่เลย- -

เมื่อเช้าทุกคนต่างทะยอยเข้าไปอวยพรให้ของขวัญหมอนั่นแต่เช้า มีผมคนเดียวที่มัวนั่งเอ๋อ งงว่ากำลังทำอะไรกัน บ้าชะมัด!

โชคดี(อย่างยิ่ง)จริงๆที่วันนี้โดดงานได้ ไม่งั้นอาจโดนโกรธ งอน เชิดในสถานะนี้ตลอดไป... อาาา ฟังดูเป็นคำที่น่าเจ็บปวดจัง 'ตลอดไป' ปกติมันใช้ในความดีไม่ใช่เรอะ!

เพราะงั้นวันนี้แหละ จะต้องหาซื้อของขวัญให้ได้ พร้อมกับหาคำพูดเท่ๆอวยพรในช่วงเวลาสุดโรแมนติกเพื่อทำให้คนตัวเล็กนี่หายโกรธ งอน เชิดใส่ผมซะที

ปัญหาไม่มีอะไรมากหรอก เริ่มที่ของขวัญก่อนเลย.. อืม พูดแล้วต้องหาว่าโม้แน่ ปกติผมเป็นคนเซ้นส์ดีเรื่องเลือกของให้ผู้หญิงนะ ทุกสถานการณ์กับผู้หญิงเนี่ยของให้บอก ไม่เคยพลาด! ..ยกเว้นเรื่องทำอาหารไว้เรื่องนะ- -

แต่เซ้นส์กับผู้ชายด้วยกันนี่สิ

"โอ้ะ ชีสเค้ก! นี่นายทำเองเหรอเนี่ย! สุดยอดด" มิทสึร้องอย่างดีใจเมื่อได้เห็นชีสเค้กขาวนวลหน้าตาน่ากินที่เซ็นงะถือมา
"แหะๆ ไม่รู้จะอร่อยถูกใจนายรึเปล่านะ><"
"ถึงจะไม่เท่าวัตตะ แต่เค้กนายมีแต่คนชมนะ^^"
"แหะๆ สุขสันต์วันเกิดนะ>////<"
"ขอบใจมากนะ"

เฮือก กก

คิดไปเองรึเปล่านะ รู้สึกเหมือนโดนสายตาทิ่มแทง อย่าบอกนะว่าโดนสายตาบนใบหน้าพร้อมรอยยิ้มนั่นเล่นงานน่ะ! เจ็บชะมัดเลยแฮะ

คนต่อไปคือทามะ ให้กำไรข้อมือสแตนเลสที่มีรูปร่างคล้ายกุญแจข้อมือ เอ่อ อย่าเอาของที่ใช้กับมิยะคนเดียวมาให้มิทสึดิวะ อันตรายนะเฟ้ย!

ผมนั่งบ่นในใจ ขณะมองคนต่อไปที่เดินไปหามิทสึด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวสิ่งใด โยโกะโอะ วาตารุได้ส่งกล่องชอคโกแลคสีน้ำตาลติดโบว์สีแดง มีการ์ดห้อยไว้ที่กล่องด้วย

"แด่ผู้ชายที่มอบทุกอย่างและคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ วัตตะ" มิทสึอ่านดังๆและไม่วายส่งสายตาทิ่มแทงมาทางผม (คิดไปเองแหงๆ คิดไปเองล่ะน่า)

"ออกจะเลี่ยนไปหน่อย แต่ฉันตั้งใจคิดมากเลยนะ"
"อื้อ อุตส่าห์ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ขอบใจนะ♥︎ ดีกว่าคนบางคน!"

เฮือกก กกก

หนาวแฮะ มีใครไปเร่งแอร์เหรอไงฟะ ผมขนลุกซู่ ขอให้เป็นแค่การเร่งแอร์เถอะ ไม่เอาขนลุกเพราะโดนพาดพิง!

คนต่อไปเป็นนายคนหน้าทะเล้นมิยะตะ หมอนี่จะให้อะไรมิทสึกันนะ คงไม่พ้นโอตาคุอีกแหง เฮ้อ อย่างน้อยของขวัญเราคงไม่แย่ไปกว่าหมอนี่ล่ะนะ ดีใจได้ๆ

"โอ้ะ ร้องเพลงให้ฉันเหรอ!"
"อื้ม เสียงฉันอาจสู้ไทปิไม่ได้ อาจไม่หวานเท่าทามะ ไม่น่ารักแบบเซ็นงะ ไม่กระด้างอย่างวัตตะ แต่ฉันทุ่มเต็มที่ร้องเพลงสุดพลังเลยนะ!"
"แค่นี้ก็ขอบใจ ซึ้งมากแล้วล่ะ! ขอบใจนะ!"
"เฮ้ เสียงฉันกระด้างตรงไหนน่ะ" วัตตะพูดขึ้นไม่พอใจ ตามด้วยเสียงนิกะที่กำลังหาเรื่องว่าทำไมไม่มีเสียงเขาอยู่ในคำพูดเท่ๆนั่นมั่ง

ทุกคนกำลังใส่อยู่กับการเถียงกันอย่างเมามันส์จนไม่ได้ยินเสียงเศร้าๆแกมน้อยใจของมิทสึที่เหมือนพูดกับตัวเอง(แต่ผมดันได้ยิน)

"คนที่ไม่ลืมมีเยอะกว่าคนที่ลืม คนที่ลืมมีแค่คนเดียวแท้ๆ แล้วทำไม..." หมอนั่นไม่พูดจนจบประโยค หรือพูดจบก็ไม่รู้แต่ผมไม่ได้ยิน

เขาจะหมายถึงผมรึเปล่านะ ...บางที

คนสุดท้ายไม่นับรวมผม เพราะตอนนี้เหมือนว่าตัวเองจะถูกเขี่ยออกมานอกวงโคจร อาาชักจะเข้าใจความรู้สึกของดาวพลูโตแล้วแฮะ

นิไคโด ทาคาชิ หมอนี่เป็นรุ่นน้องที่ช่วงหลังๆผมชักไม่ไว้ใจปล่อยให้อยู่กับมิทสึสองต่อสองเท่าไหร ของขวัญของนิกะก็คือ... โอ้ว ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่มันเกินไปแล้วนะเฟ้ย!

"อ๊ะ นะนายจะให้ไอ้นี้กับฉันจริงๆน่ะเหรอ?"
"อืม แด่รุ่นพี่ที่คอยให้กำลังใจอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ แค่นี้ยังน้อยไปซะอีก"
"มะไม่เลย สร้อยเส้นนี้สวยมากจริงๆ" มิทสึยื่นมือไปรับสร้อยนั้นมา

หมดกัน มะนจะมีของขวัญอะไรที่ดูมีค่า ลึกซึ้ง สวยงาม และประทับใจมากกว่าสร้อยอีกมั้ยน่ะหา! คิดแล้วก็คอตก เราคงต้องห่างกัน...ตลอดไปซะแล้วล่ะ ในเมื่อฉันไม่สามารถหาอะไรที่ดีมากกว่าสร้อยนั้นได้อีกแล้ว..

ยิ่งน่าช็อคและเจ็บใจไปกว่านั้น เมื่อนิกะดันไม่ยอมส่งสร้อยเส้นนั้นให้มิทสึด้วยมือตัวเอง กลับเอื้อมมือเอาสร้อยไปคล้องใส่คอให้มิทสึเอง!

นี่มันมีความหมายนัยอะไรอื่นมั้ยน่ะ! หา!?

"มีความสุขมากๆนะครับเซ็มไป^^"
"ขะขอบใจนะ..."

ครั้งนี้มิทสึไม่หันมาเหลือบชำเลืองส่งสายตาจิกมาทางผมอีกแล้ว อา นึกอยากให้เขาจิกผมอีกจัง ไม่ได้เป็นพวกเอ็มนะ เพียงแต่แค่คิดว่าถ้าโดนทิ่มแทง มันคงดีกว่าโดนเพิกเฉยราวกับอากาศธาตุแบบนี้

เย็นวันนั้น ผมตัดสินใจเข้าไปวางของขวัญของตัวเอง และคิดว่าจะเขียนการ์ดทิ้งไว้แทนเอาไปให้ซึ่งๆหน้า เพราะตัวเองคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในเวลานี้

ขณะกำลังเขียนการ์ดก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงชาเย็นดังขึ้นใกล้ๆตัว ผมหันขวับไปยังทางเจ้าของเสียง มือไพล่หลังแล้วรีบเก็บการ์ดกับของขวัญลงกระเป๋ากางเกงด้านหลังทันที

"นายเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ปะเปล่านี่ ว่าจะมาเรียกไปกินข้างน่ะ รู้สึกวัตจะทำแกงกะหรี่ด้วยนะ ไปสิ!" ผมบอกขณะจับข้อมืออีกคนพยายามเดินออกจากห้อง

ทว่าร่างเล็กกลับยืนนิ่งฝืนแรงผมไว้ ทำให้ต้องหันมาหา เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของผมเสมือนกำลังจะจับผิดท่าทางพิรุศ หือ นี่ผมปล่อยพิรุศตรงไหนฟะ?

"วัตตะทำเสร็จไปตั้งแต่เที่ยง จนขี้ออกมาหมดละ นายนั่นแหละเข้ามาทำอะไรในห้องนี้?"

อ่อ เข้าใจละว่าพิรุจตรงไหน- -

"อ่อเหรอ ฮ่าๆๆ เอ้อ ว่าจะมาขอยืมซีดีหน่อย พอดีกำลังจะแต่งเพลงใหม่น่ะ" ผมกัดริมฝีปากนิดๆ อา จะเนียนรึเปล่าวะเรา

คนตรงหน้ามองผมแปปนึงก่อนละสายตาแล้วเดินตรงไปยังชั้นวางแผ่นซีดี ผมเดินตามไป

"เพลงไรล่ะ?"
"หะหือ? เอ้อ ขอ fire ที่เราแต่งคู่กันหน่อยสิ แล้วก็ form ของนาย"
"..."

คนตรงหน้าหยุด แล้วหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยพร้อมกับหรี่ตาจับผิด ผมกลืนน้ำลาย แต่ก่อนที่จะแก้ตัวอะไรออกไป สายตาก็พลันไปเห็นสร้อยที่อยู่บนคอของเขาเข้าพอดี เท่านั้นแหละอารมณ์เดือดมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้ผมผลักมิทสึไปชนกับชั้นซีดีอย่างแรงจนชั้นเอนล้ม ซีดีกระจัดกระจายทั่วพื้น

"ยัง.. ใส่มันอยู่อีกเหรอ?"
"อะไร?"
"ก็ไอ้สร้อยบ้านี่ไง! ชอบมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ!"
"เออ ชอบ ชอบมาก" เสียงที่ฟังดูไม่แคร์ไม่ยี่ระกังออกมาจากปากของเขา ผมควรจะต้องไม่ยี่ระตอบสิ ไหงทำไมถึงควบคุมไม่ได้ฟะ!

"มีความสุขที่ได้ใส่มันสินะ! ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย!"
"อะไรของนาย ปล่อยได้แล้ว ออกไปจากห้องฉันซักที!"

ผมเงียบไปกับคำพูดที่ฟังเหมือนเขาได้ตัดใยบางๆระหว่างเราออกไปแล้ว กับอีแค่ลืมวันเกิด อีแค่ลืมของขวัญ ถึงกับต้องตัดกันออกไปเลยเหรอ! ไร้เหตุผลชะมัด!

"จะโกรธจะเกลียดที่ลืมวันเกิดลืมของขวัญอะไรก็เชิญ แต่ห้ามใส่สร้อยเส้นนั้น ห้ามทำท่าหมดเยื่อใยแบบนั้นกับฉันเด็ดขาด!"

อารมณ์ที่คุกรุ่นเดือดปุดๆและเริ่มพล่านด้วยความร้อนจากร่างกาย ผมกระชากสร้อยนั้นออก จนมันขาดติดมือออกมา สองมือจับหน้าจิ้มลิ้มนั่นแน่นราวกับกลัวมันจะหลุดลอยออกไป ร่างกายสั่นควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง ความโกรธพลุ่งพล่าน

"ชอบมันมากนักใช่มั้ย!"

วินาทีนั้นเองที่ปากผมประกบเข้าหาปากบางนั่น จนสัมผัสได้ถึงรสชาติภายในของกันและกัน ยิ่งนึกถึงสร้อยนั่น ยิ่งนึกถึงสีหน้าหยิ่งอวดดีของคนตรงหน้า ผมก็ยิ่งอยากระบายออก มือเริ่มไล่ไปทั่วตัว ปากเขยิบไปสัมผัสแก้มเนียมนุ่มอย่างโหยหา...

"ปะปล่อยนะ ไทสุเกะ.. อื้อ"
"..."
"พอได้แล้ว หยะหยุดสิ.."
"..."

ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะมารั้งผมได้อีกต่อไป แม้กระทั่งตัวเองก็ไม่สามารถจะห้ามไว้ได้ มือผมสอดเข้าไปในเสื้อคอกลมของร่างบาง สัมผัสนวลเนียนของผิวขาวใส ชวนให้ลิ้มลองชะมัด ผมค่อยๆถกเสื้อขึ้นช้าๆ ...

ตึง!!

จู่ๆมิทสึก็ถีบผมกระเด็นไปยังชั้นหนังสือห้าชั้นล้มลงเทกระจายทั้วพื้น ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเล็ก ใจอยากจะลุกกระโจนไปหามาก ปต่หลังที่เจ็บจนระบมทำให้ลุกไม่ขึ้น เลยได้แต่นอนแผ่ลงกับพื้นท่ามกลางกองซีดีและหนังสือ เจ็บปวดไปหมด อาาา

มิทสึกำลังนั่งมองผมโดยเว้นระยะไว้พอสมควร ควกำลังลังเลใจว่าจะเข้ามาช่วยดีหรือไม่ควรเข้ามายุ่งดี ผมนอนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ารวดร้าว

"เป็นไรรึเปล่า?"
"..."
"เฮ้.."
"..."
"เจ็บมากเลยเหรอ?"
"..."
"นี่ตอบอะไรบ้างสิ"
"..."

มิทสึเขยิบเข้ามาจิ้มๆที่ตัวผมเพื่อเช็คว่าผมยังไหวอยู่รึเปล่า จังหวะนั้นนั่นเองแหละที่ผมได้โอกาสคว้าตัวเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกหลอก เลยพยายามดึงดันฝืน แต่ต่อให้แผ่นดินไหวอีกสองนาทีข้างหน้า หรือภูเขาไฟปะทุอีกห้านาที ผมก็จะไม่มีทาง ไม่มีวันปล่อยนายไปเด็ดขาด

"นายมันบ้าที่สุด!" เขาทั้งสบถทั้งด่าเป็นคำชนิดที่ว่าจะให้ผมเป็นสัตว์พวกนั้นเลย ไม่ต้องกลับมาเป็นคนอีก

"ขอโทษที่ลืมวันเกิดนายนะ" ผมหยุดเสียงก่นด่าด้วยการกระซิบเข้าที่ข้างหูเบาๆ
"..." ได้ผลแฮะ!
"แต่รู้เอาไว้อย่างนะ ฉันไม่มีทางลืมนาย ต่อให้ต้องตายไปกี่ชาติๆก็เถอะ เพราะคนที่ฉันแคร์มากที่สุดก็คือคนที่อยู่ในใจของฉันตลอด ทุกๆวัน ไม่ต้องสนว่าจะเป็นวันพิเศษอะไร แค่มีนายอยู่ทุกๆวันในใจ ทุกวันก็คือวันพิเศษของฉันแล้วล่ะ"
"..." ผมกอดแน่นขึ้นก่อนหอมแก้มฟอดใหญ่ให้หายชื่นใจ และกระซิบที่หูให้ลึกลงไปกว่าเดิม
"สุขสันต์วันเกิดนะ ฮิโรมิทสึ♥︎"

และแล้วในที่สุดของขวัญวันเกิดที่ผมตั้งใจจะฝากการ์ดวางทิ้งให้บนโต๊ะก็ถูกสวมเข้าที่นิ้วของคนตัวเล็กในอ้อมแขน

"ไม่ใช่ว่าทุกวงจะพิเศษเท่ากันหมด เพราะวงนี้จะพิเศษกว่าวงใดๆในโลก สัญลักษณ์ความรักอันเป็นนิรันดร์ของฉันจะอยู่กับนาย...ตลอดไป🍀"

Happy Birthday Miyachi!


☆☆☆☆1語☆☆☆☆

Happy Birthday Miyachi!

อะแฮ่ม อะแฮ่ม~ ~
ทามาโมริ ยูตะ เองคร้าบบ ผมในโหมดอเลิร์ทแบบนี้เึยเห็นกันรึเปล่า? จริงๆทามะจังของทุกคนน่ะ ใจดี อ่อนโยน เท่ หล่อ หน้าตาดีตลอดเวลาใช่ม้าา ~

เพียงขอแค่วันนี้วันเดียวนะครับ วันนี้วันเดียวที่จะขออเลิร์ทอย่างหล่อๆ เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษครับ! รู้มั้ยว่าวันนี้วันอะไร? อืมม มันไม่หนุกก็ตรงที่คุณอ่านชื่อตอนแล้วนี่สิ-_-

ใช่แล้ว! วันนี้วันเกิดมิยะตะล่ะ ><~

ผมตื่นเต้นกว่าทุกวันเลยนะ รู้มั้ยว่าทำไม ก็เพราะหมอนี่แก่ขึ้น มีรอยเหี่ยวย่นมากขึ้นนี่น่ะสิ ฮ่าๆๆ

แต่ผมจะแกล้งลืมล่ะ... ไม่ต้องตั้งคำถามนะว่าทำไม เพราะรู้กันอยู่แล้งว่างานอดิเรกของผมก็คือการแกล้งมิยะตะ คึๆ โดยเฉพาะมิยะตะที่แก่อีกปีนี่ ชอบมากกก

วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ แต่นอนเล่นอยู่บนเตียง ปล่อยให้คิดว่ายังไม่ตื่น ให้มิยะเดินเข้ามาปลุกเหมือนทุกๆที..

"ทามะจัง! ถ้าไม่ตื่นตอนนี้นายได้กินข้าวเย็นทีเดียวแน่"

มาแล้วๆ มิยะของผมเดินเข้ามาในห้องแล้วเขย่าตัวผมที่ซุกในผ้าห่มมิดหัว ผมแกล้งนิ่งหลับสนิท

"เฮ้! จะโดดงานเหรอไง? วันนี้มีถ่ายแมกนะ"

"..."

เสียงเงียบไป จนชักอยากจะลืมตาดูชะมัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วผมก็แทบสะดุ้งเมื่อเสียงนาฬิกาปลุกไขลานแสนเชยซึ่งมิยะไปหยิบมาไขลานจากที่ไหนไม่รู้ให้มันดังข้างหู

เหอะ เล่นกันแบบนี้สินะ ได้!

ตุบ!!

และแล้วผมก็ทำเป็นพลิกตัวอย่างแรง จนมิยะที่ยืนถือนาฬิกาข้างหลังใส่หูผมอยู่ตกใจหงายหลังไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง

"โอ้ย.." เขาร้อง ทำผมแอบยิ้ม แกล้งกันดีนัก ต้องเอาคืนให้เข็ด

ตุบ!!

ผมกลิ้งตัวเองลงไปทับกับตัวเขาที่กองอยู่ก่อนข้างล่าง แต่ดูเหมือนตัวจะหนักไปนิด พอตกลงไปเลยจุกไปสองวิ

"โอ่ย ลุกขึ้นได้มั้ยทามะ!" มิยะร้องบอกพยายามดิ้นให้ตัวเองหลุดจากการทับของผม

พอตัวหายจุกผมก็นอนกางแขนขาแผ่ออกทันทีราวกับจะกักร่างข้างล่างไม่ให้ออกไปไหน ยิ่งเขาดิ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกดตัวเองทับลงไปเท่านั้น

"อื้มม ~"ผมทำเสียงอย่างสบายอารมณ์ประหนึ่งตัวเองกำลังฝันดี ดีจริงๆแหละ ได้แกล้งมิยะตะเนี่ย

"ตื่นซักทีสิ ไอ้คนขี้เซา!" เขาทั้งดันและดิ้น เริ่มแรงขึ้นๆ แรงขึ้นเรื่อยๆ

สวบบบ

และในที่สุดผมก็รวบตัวคนข้างล่างมากอดไว้กับอกราวกับกำลังกอดหมอนข้างอย่างสบาย แอบลืมจานิดๆดูท่าทีและสีหน้าของคนในอ้อมแขน ตัวแข็งสนิทเลย! ฮะฮ่า!

เสียดายที่ไม่ได้เห็นหน้า หมอนี่เอาแต่ก้มหน้างุด เซ็งจัง กระตุ้นอีกหน่อยดีกว่า~ ผมเอาหน้าตัวเองก้มลงไปซุกกับผมมิยะ แล้วดมกลิ่นแชมพูบางเบา พระเจ้า! กลิ่นนี่มีอิทธิพลมากจริงๆ มันชักจะทำให้อยากตื่นขึ้นมาจริงๆแล้วแฮะ ตื่นขึ้นมาเพื่อดมไปทั่วตัว...

เพราะยังไม่ได้ตื่นขึ้นมาอย่างเปิดเผย สิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คงมีแค่กอดรัดหมอนี่ให้แน่นขึ้น ให้แน่นขึ้น ให้มากขึ้น มากเท่ากับที่อยากพิสูจน์กลิ่นแชมพูและสบู่จากร่างหมอนี่ เอาให้สมใจอยากเลย

"โอ้ย!"
"หื้มม ~"
"ฉันรู้นะว่านายตื่นอยู่น่ะ..."
"..."ผมยังกอดเขาไว้เหมือนเดิม ไม่คลายไปไหน
"ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ"
"..." ผมก็ยังกอดไว้เหมือนเดิม แต่ครั้งนี้เริ่มแน่นขึ้น
"ถ้าไมีปล่อยจะนับถึงสามนะ"
"..." คราวนี้ยิ่งบีบรัดใหญ่ราวกับจะท้าทายคนตรงหน้า

"หนึ่ง"

ผมกอดแน่น

"สอง"

ผมบีบราวกับหมอนข้างอยู่ในแขน

"สะ..."

"โอ้ย!!"
"ตื่นอยู่จริงๆด้วย!"
"ทำบ้าอะไรของนายน่ะ หา!"

แผนพังแล้ว แผนพังเพราะโดนหมอนี่ทำลาย-_- ชิ ใครจะไปนึกว่าจู่ๆจะโดนกัดมือล่ะ! มีใครปกติที่ไหนเขากัดมือกัน!

แต่ถ้ารู้ว่าจะโดนกัดมือก่อน ให้ตายก็ไม่มีทางปล่อบหมอนี่หรอก เจ็บแค่มดกัด ตกใจหรอก!

"จริงๆเลย ถ้าตื่นแล้วก็น่าจะบอกกันดิ จะให้ปลุกอีกทำไมก็ไม่รู้ นอนกินบ้านกินเมืองชะมัด" พอได้ทีหลังจากที่ตัวเองลุกขึ้นออกมาจากแขนผมได้ นายมิยะตะก็บ่นใส่จนหูฟังเกือบไม่ทัน

"นึกว่าจะชอบซะอีก ได้นอนในอ้อมแขนของหนุ่มหล่อเลยนะ ^^" ผมเขยิบเข้าไปเย้าใกล้ๆ

"พะพอเลย.. นายเกิดปีม้านี่ ไหงมารักชาวบ้านเขา ไม่ได้เป็นงูสักหน่อย!"

"..." บอกตามตรง ผมกำลังสับสนว่าที่หมอนี่พูกมันคือมุขรึเปล่า ถ้าเป็นมุขจะได้ต่อมุข แต่ไอ้พูดแบบนี้ จะต่อยังไงดีวะ-O-;

"แป้กชะมัด" ผมพูดออกไปตรงๆตามที่ตัวเองคิด
"ว่าใครแป้ะฮะ นายมันสมองช้าต่อมุขไม่ทันเองต่างหากเล่า" นี่เขากำลังว่าผมสมองช้าอยู่ใช่มั้ยน่ะ?
"นายแป้กเองแล้วมาโทษคนอื่นเค้าต่างหาก!"
"ข้ออ้างของคนสมองช้าก็เป็นแบบนี้ล่ะนะ!"
"สมองฉันปกติ แถมเร็วอีกด้วย!" เชากำลังเริ่มทำผมหงุดหงิดและอารมณ์เสียแล้วนะ
"หา เมื่อกี้ไม่ขึ้นเสียง ทีนี้มาขึ้นเสียงเหมือนปกติ สมองช้าจริงด้วย!"
"บอกว่าสมองเร็วไงเล่า!"
"ดื้ออีกแน่ะ..."

หมับบบ

ก่อนที่จะให้คนตรงหน้าเถียงน่าหงุดหงิดอารมณ์ต่อ ผมก็คว้าหมับเข้าที่แขนแล้วดึงร่างนั้นเข้ามาประกบริมฝีปากลงไป

ร่างนั้นแข็งสนิท พนันว่าวิญญาณน่าจะลอยกลับบ้านที่คานางาวะไปแล้วล่ะนะ หึ เมื่อกี้อยากกัดมือทำเราตกใจก่อนทำไมล่ะ ถึงเวลาเอาคืนให้มันรู้ซะบ้างแล้ว

ผมค่อยๆถอนริมฝีปากออก มองลึกเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า ยิ้มเบาๆ(แบบที่คิดว่าหล่อสุดแล้ว)ให้

"สุขสันต์วันเกิดนะคุณมิยาตะ♥︎"