หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2558

Happy Birthday Senchan!


☆☆☆☆3語☆☆☆☆

Happy Birthday Senchan!

ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงให้ผมมารับหน้าที่บรรยายในตอนนี้ คนมี่พูดเก่งๆในวงมีถมไปมีเยอะแยะ แน่นอนว่าไม่ใช่ผมคนนึงชัวร์

เค็นโตะกับผมเป็นเพื่อนกันมานาน รู้จักกันตั้งแต่เข้าบริษัทครั้งแรกๆเลย เพราะงั้นไม่มีทางที่ผมจะลืมวันเกิดเขา หรือเขาจะคิดว่าผมลืมเด็ดขาด เพียงแต่โอกาสที่จะรับของขวัญหรือฟังคำอวยพรจากผมน่ะ ตอนนี้มีเป็น 0 % เท่านั้นเอง!

เพราะแม่นางแกกำลังงอนผมอยู่น่ะสิ!

เมื่อเช้าตรู่ ประมาณตี5 ที่ทนแหวกขี้ตาตื่นขึ้นมาจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเป็นคนแรก ผมย่องเข้าห้องนอนเค็นจังอย่างเงียบๆ ปรากฏว่ามันลงกลอน! ห้องมันล็อค! ทั้งทีทุกทีไม่เคย!

อืมม ตอนแรกก็นึกว่าลมือคงพลาดไปกดไรงี้ ผมเลยกลับเข้าไปนั่งๆนอนๆในห้องตัวเองแล้วเผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีคือเก้าโมงครึ่ง! ตาเหลือกเลยครับ ห้องที่ผมเช่าอยู่กับเค็นโตะน่ะ ปกติเขาจะเป็นคนทำอาหารให้ทุกมื้อ (นี่แหละเหตุผลที่ย้ายจากบ้านซึ่งไม่ค่อยมีใครทำให้กินมาอยู่หอ)

"อ้าว กับข้าวล่ะ?"
"หมดละ หิวก็เชิญไปกินที่อื่น"

ให้ตาย! เขาหัดพูดแบบนี้กับผม คนที่เป็นเพื่อนสนิทแท้ๆของตัวเองลงได้ไงกัน หรือเขาจะนึกจริงๆว่าผมลืมวันเกิด-_- ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ ผมเดินตรงเข้าไปกอดคนในครัวจากด้านหลังขณะเขากำลังล้างจาน ร่างนั้นแข็งเกร็งขึ้นทันที

"โกรธอะไรน่ะ?  สุขสันต์วันเกิดนะคนดี"
"ปล่อย" เสียงนั้นไม่อ่อนลงเลย ปกติพอโดนผมอ้อนนิดยิ้มให้หน่อยจะเบาลงนี่นา
"เป็นไรไป..."
"เปล่า ฉันไม่อยากได้คำอวยพรหรือของขวัญจากนายสักนิด ไปไหนก็ไป!"
"..."

ว่าผู้หญิงเวลาโกรธเวลางอนน่ากลัวแล้ว ลองมาเจอหมอนี่งอนหน่อยมั้ย บอกตามตรงว่าโคตรงง! เดาไม่ถูกเลยว่าสาเหตุจะมาจากอะไร จะต้องเริ่มกลับไปแก้ไปขอโทษเรื่องอะไร?

"ตามใจสิ ไม่อยากได้ก็แล้วไป"
"..."

แต่ผมคงอ้อนงัอเขาไม่นานหรอก รู้สึกเบื่อน่ารำคาญขี้เกียจเกินไปที่จะง้อ ผมปล่อยมือออกจากเอว พูดท่าทางเฉยเมยที่สุด ก่อนเดินออกจากห้องไป

ถึงจะเป็นวันเกิดเค็นโตะก็ใช่ว่าจะเป็นวันหยุด ถึงจะออกมาจากห้องนั้น แล้วมาตุปัดตุเป่เหล่สาวไปเรื่อยข้างถนน แต่ก็ยังต้องเจอกันอยู่ดี เพราะวันนี้มีคิวถ่ายแมกของวง

อย่างที่คิด เขาก็ไม่พูดกับผมเช่นเคย ไม่แม้แต่จะมองหน้า ไม่ซักนิดที่จะเหลียวหรือชายสายตามามองผมเลย ชักจะโกรธบ้างเหมือนกันแล้วนะ! เอาแต่คลุกอยู่กับวัตตะบ้าง มิยะบ้าง หรือทามะ ราวกับกำลังจะกันผมอยู่แน่ะ เอ๊ะ หรือเรียกเขี่ยทิ้งดีฟะ

"เอ้าๆ มารวมๆที่ฉากนี้เร็ว ยิ้มงามๆให้กล้องด้วยนะจ๊ะ ต๊ายย เซ็นจัง! ทำไมยิ้มเกร็งแบบนั้นล่ะจ๊ะ เอ้าา นิไคโด หนูจะบึ้งไปถึงเมื่อไหร่ เอ้ะ ไหงสองคนนี้แยกกันล่ะ โยโกะจ๊ะ ไปอยู่แทนนิไคโดที แล้วนิไคโดเขยิบมาเร็วเร้ว!"

ช่างภาพของแมกนี้เป็นตุ้ดล่ะครับ เพราะงั้นเรื่องโพซิชั่นของรูปที่ถ่ายจะต้องเป็นเลิศ ละเอียด สมบูรณ์แบบตรงตามใจเขาทุกประการ โดยเฉพาะความปลื้มในตัวผมกับเค็นโตะจะต้องใกล้กันเสมอ ผิดแบบไม่ได้

ผมเดินข้ามไปยังที่ของวัตตะเดิม แล้วก็กอดคอเค็นโตะอย่างสนิทสนมพร้อมยิ้มกว้างเต็มที่ ฝ่ายคนโดนกอดตัวเกร็งขึ้นทันที ผมเหลือบไปเห็นสีหน้าไม่พอใจแวบหนึ่งก่อนจะกลับมายิ้มปกติตามเดิม

หึ แกล้งเล่นหน่อยดีกว่า รังเกียจกันนักใช่มั้ย

หมับบ

"อะ.."
"เอ้า ชีสสสสสสสส"
"อะ..."
"(^O^)"
"..."

เมื่อเห็นคนขัางตัวกำลังจะก้มหน้างุด ผมก็ใช้มือเชยคางหมอนั่นขึ้น พร้อมกับกระซิบเสียงกวนๆ

"ถ้าไม่ยิ้มจะหอมแก้มโชว์แล้วนะ มองกล้องด้วย..."

ยิ่งรู้สึกสนุกมากขึ้นเมื่อคนขี้อายมองขวับมาทางผมแล้วขึงสายตาใส่ ผมยังยิ้มยั่วต่อไป แม้สูทที่ใส่จะทำให้ร้อน  เหงื่อออกแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้ผมชักจะสนุกกับการแกล้งคนซะแล้วล่ะ!

การถ่ายแมกของเราผ่านไปได้ด้วยความเพลิดเพลิน(คงมีแต่ผมนี่แหละเพลินคนเดียว) เซ็ตต่อไปยิ่งน่าสนุก เป็นเซ็ตคู่ที่จะถ่ายผมกับเค็นโตะสองคนเท่านั้น คนอื่นช่างมัน ใครสนล่ะว่าจะไปคู่ใคร แค่ผมได้คู่กับเค็นจังก็โอแล้วล่ะ

เสื้อกันหนาวมีฮู้ดสีดำลายเหมือนกันทั้งสองตัว กับกางเกงยีนส์เข้าคู่กัน แถมหมวกแก๊ปอีกคนละใบ ดูยังไงก็เหมือนฝาแฝดกันมาก ผมเหลือบมองอีกคนที่ยังยืนนิ่งมองเสื้อผ้าแล้วลอบขำในใจ หึ จะเกลียดกันมากแค่ไหนยังไงวันนี้ก็ต้องใส่เหมือนกันอยู่ดีแหละ

"มะมองอะไร?"
"เปล่านี่ แค่คิดว่าเสื้อสวยดีนะ มีฮู้ดด้วย"
"..."

คนตรงหน้าไม่ตอบ เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด ผมยิ้มมุมปากอย่างนึกสนุกก่อนเดินตามร่างนั้นเข้าไปในห้องเดียวกัน

"นาย! เข้ามาทำอะไรด้วยเนี่ย!"
"เปลี่ยนเสื้อไง" ผมตอบหน้าตาย แต่ในใจกำลังฮากระจาย
"กะก็ไปเข้าห้องอื่นดิ"
"ทำไม อายเหรอ? นี่อย่าทำยังกับเราไม่เคยโป๊ใส่กันงั้นดิ"
"ยะยังไงก็ไม่ได้! ออกไปซะ.." เสียงเริ่มอ่อยลง

มีใครเคยบอกรึเปล่าว่า เวลาหมอนี่เขินแม่งโคตรน่ารักน่าแหย่น่าแกล้งต่อชะมัด ผมทำเป็นไม่สน แล้วถอดเสื้ออกเพื่อใส่ตัวใหม่แทน แต่สายตาเหลือบมองไปทางอีกคนตลอด เขาก้มหน้างุดพร้อมหันหลังให้ ผมสังเกตว่ากลอนล็อคประตูดีแล้วจึงหันไปสวมกอดร่างบางกว่าทันทีขณะกำลังถอดเสื้อเพื่อใส่ตัวใหม่พอดี ร่างนั้นเกร็งขึ้นมาเหมือนเดิม ราวกับปฏิกิริยาเมื่อผมสัมผัสตัวเขา

"อารมณ์ฉุนเฉียวในวันเกิดตัวเอง เขาว่าวันเกิดปีนั้นจะหงุดหงิดตลอดทั้งปีเลยนะ" ผมยั่วด้วยเสียงกวนเบาๆ

"ปล่อยนะ จะอะไรมันก็เรื่องของฉัน! นายมีสิทธิ์อะไร! ปล่อยสิ!"
"ชู่ ตะโกนทำไม เดี๋ยวคนข้างนอกได้เข้าใจผิดว่าฉันทำร้ายพอดีดิ"
"ก็จริงไม่ใช่เรอะ"

เมื่อถูกคนตรงหน้าตอบอย่างท้าทาย ก็เลยอดไม่ได้ อยากสั่งสอนกลับบ้าง ผมกอดกระชับเข้าไปอีก จนได้ยินเสียงหายใจเข้าดังๆเนื่องจากถูกรัดขาดอากาศ

"บอกมาก่อนว่าโกรธเรื่องอะไร?"
"ไม่ได้โก.."
"โกหกทำไม?"
"ปะ..."

ก๊อกๆๆ

ใครบางคนกำลังเคาะประตูเรียกสองคน จนผมต้องปล่อยคนในอ้อมแขนเพื่อชะโงกหน้าออกไปดูข้างนอกทั้งๆที่ยังเปลือยท่อนบน

"อะ อยู่นี่จริงๆด้วย"
"มีอะไร?"

ถึงจะเป็นรุ่นพี่ แต่เข้ามาขัดจังหวะในเวลาแบบนี้ ผมก็ชักสีหน้าและขึ้นเสียงเล็กน้อยใส่คิตะยามะ เพราะตัวผมบังคนข้างในซะมิด ทำให้คนข้างนอกไม่สังเกต เขาจึงพูดต่อไป

"กายะให้ฉันเอามาคืนนาย.. ขอบใจนะ ขอโทษจริงๆ ถ้าฉันไม่คืนมันหมอนั่นต้องอาละวาดอีกแหงๆ" มิทสึวางสร้อยคอที่ผมให้เป็นของขวัญวันเกิดใส่มือผม ทันใดนั้นเองผมว่าตัวเองชักจะเข้าใจอะไรบางอย่างละ จึงยิ้มออกไป

"หึ เข้าใจแล้ว... งั้นไว้วันหลังค่อยพาไปเลี้ยงวันเกิดละกันนะ"
"อื้ม เอาราเม็งเจ้าประจำที่เราเคยกินบ่อยๆนะ"
"ขอมาก็จัดให้"

พอคิตะยามะไปแล้ว ผมก็ปิดประตูลงหันไปยังอีกคน อย่างที่คาดเลย เขากำลังมองผมด้วยสายตาจะกินเลือดกินเนื้อ วินาทีนี้เองที่ผมเข้าใจอะไรหมดทุกอย่าง

แต่ถึงกระนั้นก็ยังคิดอยากจะแกล้งต่อ..

"อะไร มองอะไรน่ะ?"
"เมื่อกี้มิทสึเหรอ?"
"อืม เอาของมาคืนน่ะ" ผมชูสร้อยให้ดู พอเห็นท่าทางงอนๆเข้าเลยแย้บเข้าไปอีก "มิทสึบอกว่าของโหลน่ะ นายจะเอามั้ย?"

เท่านั้นแหละครับ เส้นประสาทขาดผึงเลย เค็นโตะปาเสื้อตัวเองใส่ผมซะเต็มหน้า ก่อนจะปึงปังเดินออกไป

"ไม่เห็นจะอยากได้ ไม่ใช่ของขวัญของตัวเองซักหน่อยนี่!"

ปังงง

เขาปิดประตูกระแทกใส่ผม ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ แต่ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังสนุกมากมาก หึๆ ช่วงถ่ายกัน เราต่างคนต่างก็มีลูกกวาดถืออยูาในมือ เค็นโตะดูนิ่งและเงียบกว่าที่คิด ส่วนผมก็สนุกกับการโพสต์ท่าแนบชิดที่ดูพี่ตากล้องจะพอใจกับผมมาก

"เอ้า น้องเซ็นจ้ะ แนบชิดๆหน่อยสิ จะกระเถิบออกทำไมล่ะนั่น แหม หิวข้าวเหรอไง ทำหน้าแบบนั้น"
"ขอโทษครับ" เค็นโตะขอโทษขอโพยแต่ก็ยังไม่ยอมเขยิบเข้าใกล้ผม ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้เล่นสนุก เอ้ย หน้าที่ของเพื่อนสนิท(ผู้กำลังเล่นสนุก) ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย

"แปปนะครับพี่" ผมบอกแล้วแกะอมยิ้มในมือให้พลาสติกออก และ...
"อุ้บ!"
"กรี้ดดดดดดดดด น่ารักมากกกกก! ทำดีมากจ้ะนิไคโด><!"

"ทะทำบ้าอะไรของนายน่ะ!!" เค็นโตะเอาอมยิ้มที่ผมเพิ่งยัดใส่ปากออกแล้วส่งกลับคืนมือผม
"อ่าว หิวไม่ใช่เหรอ ฮ่าๆๆ กินไปก่อนสิ"
"ใครบอกว่าฉันหิวฟะ!"
"อ่าว ก็หน้านาย..." ผมตีหน้าซื่อก่อนเอาอมยิ้มในมือที่เพิ่งถูกจับใส่ปากคนตรงหน้าอมใส่ปากตัวเอง

เค็นโตะหน้าแดงเมื่อเห็นสิ่งที่ผมกำลังทำ หึ สนุกจังแฮะ เป็นอันว่าเขายิ่งโกรธผมมากกว่าเดิม ส่วนผมก็ยิ่งเมามันส์กว่าเดิมในระหว่างการถ่ายทำ ฮ่าๆๆ

////////

ชั่วโมงถัดมาหลังถ่ายเสร็จ ผมเดินอย่างหัวเสียเข้าห้องเปลี่ยนชุด หงุดหงิดชะมัด ยิ้งเห็นยิ้มบ้าๆบอๆของหมอนั่นแล้วอารมณ์เสียจริงๆ

"เฮ้ย ชิบหาย" ขณะกำลังถอดเสื้อเพื่อจะใส่ตัวเก่ากลับบ้านก็นึกขึ้นได้ว่าเสื้อตัวเก่าถูกตัวเองปาใส่เจ้านั่นเรียบร้อยแล้วนี่

ผมเดินหงุดหงิดๆรอบๆสตูเพื่อค้นหาเสื้อตัวเอง(จากหมอนั่น) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เจอ ดังนั้นจึงเดินไปหาพี่สต๊าฟแถวนั้น

"พี่ฮะ เอ่อ พี่เห็น นิไคโด ทาคาชิ รึเปล่าน่ะฮะ"
"อะไร นิกะจังน่ะเหรอ เรียกซะเป็นทางการเชียวนะ"
"อ่า..."
"ไม่นะจ้ะ น่าจะกลับไปแล้วนี่"
"หา!!!"
"มะมีอะไรเหรอ?"
"คือเสื้อผมอยู่ที่มัน เอ้ย ที่เข้าน่าครับ แบบนี้ไม่มีเสื้อใส่กลับน่ะสิ..."
"อุ้ย ใส่ตัวนี้กลับก็ได้นี่ สวยดีออก"
"แต่เสื้อนี่ของบริษัทนะฮะ"
"ไม่ใช่แล้วจ่ะ ตัวนี้เป็นของเธอแล้วนะรู้มั้ย?"
"..."
"นิกะจังน่ะเพิ่งซื้อเซ็ตนี้ไปเอง"
"อะไรนะ ซื้อเหรอ? แล้วเซ็ตนี่หมายความว่า..."
"ใช่จ่ะ เขาเพิ่งซื้อเสื้อคู่ของเธอกับตัวเองไป ที่สำคัญซื้อไปตั้งแปดหมื่นเยนแน่ะ><"
"8หมื่น!!!"

โอยยย ฟังตัวเลขแล้วลมจะจับ 8หมื่นนี่มีศูนย์กี่ตัวนะ ห้าหรือหกตัวน่ะ? นายบ้าไปแล้วเหรอไง! เย็นนี้ต้องคุยกันให้รู้เรื่องซะแล้ว!

แต่ผิดคาดเมื่อกลับถึงห้อง เขาไม่ได้อยู่ที่ห้อง ด้วยความโกรธ หงุดหงิดหรืออะไรก็ช่าง ทำให้ผมหยิบโทรศัพท์กดไปยังเบอร์เจ้าของที่สมควรถูกกด สัญญาณดังไม่ถึง2ทีดี ปลายสายก็กดรับ แถมพูดด้วยเสียงกวนประสาทที่สุดอีก

"ว่าไง เสื้อสวยใช่มั้ยล่ะ?"
"นายบ้ไปแล้วเรอะ แปดหมื่นเลยนะ! ซื่อไปได้ยังไงเนี่ย!"
"ตัวละสี่หมื่นก็คุ้มก็คุ้มอยู่นะ"
"คุ้มบ้านพ่อเอ็งเด่ะ!" แล้วฟิวส์ผมก็ขาด หมอนี่ชอบทำเล่นๆจริงๆทั้งวันเลยนะ
"ฮ่าๆๆ คุ้มสิ แค่เราได้เสื้อคู่รักเหมือนกันในวันเกิดสุดพิเศษของนาย แค่นี้ก็เกินพอแล้วล่ะ" เสียงเขาช่างนุ่มนวล สะกดผมไว้กับที่
"..."

และเสียงที่นุ่มนวลนั่นก็กล่อมโสตประสาท เชื่อมเส้นประสาทและฟิวส์ที่ขาดไปให้กลับมาใช้งานได้ใหม่อีกครั้งด้วยคำพูดเบาๆว่า

"สุขสันต์วันเกิดนะเค็นโตะ"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น