☆☆☆☆2語☆☆☆☆
Happy Birthday Mikkun~
เอาจริงๆนะ
ขอสารภาพเลยว่าผมลืมวันเกิดคิตะยามะล่ะ
ถ้าไม่ได้วันเกิดมิยะตะมาช่วยไว้ล่ะก็ คงโดนงอนอีกนานแหง!
ก็แหม พักนี้คนมันฮอตอ่ะนะ งานการเข้าแล้วเข้าอีกเข้าจนปวดหัวเข้าจนไม่ได้นอนเข้าจนแทบไม่ได้เจอหน้ากันเลย...
วันนี้เป็นวันเกิดของคิตะยามะ ฮิโรมิทสึล่ะ เมื่อ3วันก่อนตอนวันเกิดจองมิยะน่ะ ผมก็ว่าตัวเองจำวันเกิดของมิทสึได้แล้วนะ แต่ไหงวันนี้กลับลืมได้ฟะ
ถึงจะไม่ได้บอกว่าลืมก็เถอะ แต่รู้สึกเหมือนกำลังโดนโกรธ งอน เชิดใส่อยู่เลย- -
เมื่อเช้าทุกคนต่างทะยอยเข้าไปอวยพรให้ของขวัญหมอนั่นแต่เช้า มีผมคนเดียวที่มัวนั่งเอ๋อ งงว่ากำลังทำอะไรกัน บ้าชะมัด!
โชคดี(อย่างยิ่ง)จริงๆที่วันนี้โดดงานได้ ไม่งั้นอาจโดนโกรธ งอน เชิดในสถานะนี้ตลอดไป... อาาา ฟังดูเป็นคำที่น่าเจ็บปวดจัง 'ตลอดไป' ปกติมันใช้ในความดีไม่ใช่เรอะ!
เพราะงั้นวันนี้แหละ จะต้องหาซื้อของขวัญให้ได้ พร้อมกับหาคำพูดเท่ๆอวยพรในช่วงเวลาสุดโรแมนติกเพื่อทำให้คนตัวเล็กนี่หายโกรธ งอน เชิดใส่ผมซะที
ปัญหาไม่มีอะไรมากหรอก เริ่มที่ของขวัญก่อนเลย.. อืม พูดแล้วต้องหาว่าโม้แน่ ปกติผมเป็นคนเซ้นส์ดีเรื่องเลือกของให้ผู้หญิงนะ ทุกสถานการณ์กับผู้หญิงเนี่ยของให้บอก ไม่เคยพลาด! ..ยกเว้นเรื่องทำอาหารไว้เรื่องนะ- -
แต่เซ้นส์กับผู้ชายด้วยกันนี่สิ
"โอ้ะ ชีสเค้ก! นี่นายทำเองเหรอเนี่ย! สุดยอดด" มิทสึร้องอย่างดีใจเมื่อได้เห็นชีสเค้กขาวนวลหน้าตาน่ากินที่เซ็นงะถือมา
"แหะๆ ไม่รู้จะอร่อยถูกใจนายรึเปล่านะ><"
"ถึงจะไม่เท่าวัตตะ แต่เค้กนายมีแต่คนชมนะ^^"
"แหะๆ สุขสันต์วันเกิดนะ>////<"
"ขอบใจมากนะ"
เฮือก กก
คิดไปเองรึเปล่านะ รู้สึกเหมือนโดนสายตาทิ่มแทง อย่าบอกนะว่าโดนสายตาบนใบหน้าพร้อมรอยยิ้มนั่นเล่นงานน่ะ! เจ็บชะมัดเลยแฮะ
คนต่อไปคือทามะ ให้กำไรข้อมือสแตนเลสที่มีรูปร่างคล้ายกุญแจข้อมือ เอ่อ อย่าเอาของที่ใช้กับมิยะคนเดียวมาให้มิทสึดิวะ อันตรายนะเฟ้ย!
ผมนั่งบ่นในใจ ขณะมองคนต่อไปที่เดินไปหามิทสึด้วยท่าทางไม่เกรงกลัวสิ่งใด โยโกะโอะ วาตารุได้ส่งกล่องชอคโกแลคสีน้ำตาลติดโบว์สีแดง มีการ์ดห้อยไว้ที่กล่องด้วย
"แด่ผู้ชายที่มอบทุกอย่างและคอยอยู่เคียงข้างผมเสมอ วัตตะ" มิทสึอ่านดังๆและไม่วายส่งสายตาทิ่มแทงมาทางผม (คิดไปเองแหงๆ คิดไปเองล่ะน่า)
"ออกจะเลี่ยนไปหน่อย แต่ฉันตั้งใจคิดมากเลยนะ"
"อื้อ อุตส่าห์ทำเพื่อฉันขนาดนี้ ขอบใจนะ♥︎ ดีกว่าคนบางคน!"
เฮือกก กกก
หนาวแฮะ มีใครไปเร่งแอร์เหรอไงฟะ ผมขนลุกซู่ ขอให้เป็นแค่การเร่งแอร์เถอะ ไม่เอาขนลุกเพราะโดนพาดพิง!
คนต่อไปเป็นนายคนหน้าทะเล้นมิยะตะ หมอนี่จะให้อะไรมิทสึกันนะ คงไม่พ้นโอตาคุอีกแหง เฮ้อ อย่างน้อยของขวัญเราคงไม่แย่ไปกว่าหมอนี่ล่ะนะ ดีใจได้ๆ
"โอ้ะ ร้องเพลงให้ฉันเหรอ!"
"อื้ม เสียงฉันอาจสู้ไทปิไม่ได้ อาจไม่หวานเท่าทามะ ไม่น่ารักแบบเซ็นงะ ไม่กระด้างอย่างวัตตะ แต่ฉันทุ่มเต็มที่ร้องเพลงสุดพลังเลยนะ!"
"แค่นี้ก็ขอบใจ ซึ้งมากแล้วล่ะ! ขอบใจนะ!"
"เฮ้ เสียงฉันกระด้างตรงไหนน่ะ" วัตตะพูดขึ้นไม่พอใจ ตามด้วยเสียงนิกะที่กำลังหาเรื่องว่าทำไมไม่มีเสียงเขาอยู่ในคำพูดเท่ๆนั่นมั่ง
ทุกคนกำลังใส่อยู่กับการเถียงกันอย่างเมามันส์จนไม่ได้ยินเสียงเศร้าๆแกมน้อยใจของมิทสึที่เหมือนพูดกับตัวเอง(แต่ผมดันได้ยิน)
"คนที่ไม่ลืมมีเยอะกว่าคนที่ลืม คนที่ลืมมีแค่คนเดียวแท้ๆ แล้วทำไม..." หมอนั่นไม่พูดจนจบประโยค หรือพูดจบก็ไม่รู้แต่ผมไม่ได้ยิน
เขาจะหมายถึงผมรึเปล่านะ ...บางที
คนสุดท้ายไม่นับรวมผม เพราะตอนนี้เหมือนว่าตัวเองจะถูกเขี่ยออกมานอกวงโคจร อาาชักจะเข้าใจความรู้สึกของดาวพลูโตแล้วแฮะ
นิไคโด ทาคาชิ หมอนี่เป็นรุ่นน้องที่ช่วงหลังๆผมชักไม่ไว้ใจปล่อยให้อยู่กับมิทสึสองต่อสองเท่าไหร ของขวัญของนิกะก็คือ... โอ้ว ไม่นะ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ นี่มันเกินไปแล้วนะเฟ้ย!
"อ๊ะ นะนายจะให้ไอ้นี้กับฉันจริงๆน่ะเหรอ?"
"อืม แด่รุ่นพี่ที่คอยให้กำลังใจอยู่ด้วยกันมาขนาดนี้ แค่นี้ยังน้อยไปซะอีก"
"มะไม่เลย สร้อยเส้นนี้สวยมากจริงๆ" มิทสึยื่นมือไปรับสร้อยนั้นมา
หมดกัน มะนจะมีของขวัญอะไรที่ดูมีค่า ลึกซึ้ง สวยงาม และประทับใจมากกว่าสร้อยอีกมั้ยน่ะหา! คิดแล้วก็คอตก เราคงต้องห่างกัน...ตลอดไปซะแล้วล่ะ ในเมื่อฉันไม่สามารถหาอะไรที่ดีมากกว่าสร้อยนั้นได้อีกแล้ว..
ยิ่งน่าช็อคและเจ็บใจไปกว่านั้น เมื่อนิกะดันไม่ยอมส่งสร้อยเส้นนั้นให้มิทสึด้วยมือตัวเอง กลับเอื้อมมือเอาสร้อยไปคล้องใส่คอให้มิทสึเอง!
นี่มันมีความหมายนัยอะไรอื่นมั้ยน่ะ! หา!?
"มีความสุขมากๆนะครับเซ็มไป^^"
"ขะขอบใจนะ..."
ครั้งนี้มิทสึไม่หันมาเหลือบชำเลืองส่งสายตาจิกมาทางผมอีกแล้ว อา นึกอยากให้เขาจิกผมอีกจัง ไม่ได้เป็นพวกเอ็มนะ เพียงแต่แค่คิดว่าถ้าโดนทิ่มแทง มันคงดีกว่าโดนเพิกเฉยราวกับอากาศธาตุแบบนี้
เย็นวันนั้น ผมตัดสินใจเข้าไปวางของขวัญของตัวเอง และคิดว่าจะเขียนการ์ดทิ้งไว้แทนเอาไปให้ซึ่งๆหน้า เพราะตัวเองคงไม่สามารถทำแบบนั้นได้ในเวลานี้
ขณะกำลังเขียนการ์ดก็สะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงชาเย็นดังขึ้นใกล้ๆตัว ผมหันขวับไปยังทางเจ้าของเสียง มือไพล่หลังแล้วรีบเก็บการ์ดกับของขวัญลงกระเป๋ากางเกงด้านหลังทันที
"นายเข้ามาทำอะไรในห้องฉัน?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"ปะเปล่านี่ ว่าจะมาเรียกไปกินข้างน่ะ รู้สึกวัตจะทำแกงกะหรี่ด้วยนะ ไปสิ!" ผมบอกขณะจับข้อมืออีกคนพยายามเดินออกจากห้อง
ทว่าร่างเล็กกลับยืนนิ่งฝืนแรงผมไว้ ทำให้ต้องหันมาหา เขามองลึกเข้าไปในดวงตาของผมเสมือนกำลังจะจับผิดท่าทางพิรุศ หือ นี่ผมปล่อยพิรุศตรงไหนฟะ?
"วัตตะทำเสร็จไปตั้งแต่เที่ยง จนขี้ออกมาหมดละ นายนั่นแหละเข้ามาทำอะไรในห้องนี้?"
อ่อ เข้าใจละว่าพิรุจตรงไหน- -
"อ่อเหรอ ฮ่าๆๆ เอ้อ ว่าจะมาขอยืมซีดีหน่อย พอดีกำลังจะแต่งเพลงใหม่น่ะ" ผมกัดริมฝีปากนิดๆ อา จะเนียนรึเปล่าวะเรา
คนตรงหน้ามองผมแปปนึงก่อนละสายตาแล้วเดินตรงไปยังชั้นวางแผ่นซีดี ผมเดินตามไป
"เพลงไรล่ะ?"
"หะหือ? เอ้อ ขอ fire ที่เราแต่งคู่กันหน่อยสิ แล้วก็ form ของนาย"
"..."
คนตรงหน้าหยุด แล้วหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยพร้อมกับหรี่ตาจับผิด ผมกลืนน้ำลาย แต่ก่อนที่จะแก้ตัวอะไรออกไป สายตาก็พลันไปเห็นสร้อยที่อยู่บนคอของเขาเข้าพอดี เท่านั้นแหละอารมณ์เดือดมาจากไหนก็ไม่รู้ ทำให้ผมผลักมิทสึไปชนกับชั้นซีดีอย่างแรงจนชั้นเอนล้ม ซีดีกระจัดกระจายทั่วพื้น
"ยัง.. ใส่มันอยู่อีกเหรอ?"
"อะไร?"
"ก็ไอ้สร้อยบ้านี่ไง! ชอบมันมากขนาดนั้นเลยเหรอ!"
"เออ ชอบ ชอบมาก" เสียงที่ฟังดูไม่แคร์ไม่ยี่ระกังออกมาจากปากของเขา ผมควรจะต้องไม่ยี่ระตอบสิ ไหงทำไมถึงควบคุมไม่ได้ฟะ!
"มีความสุขที่ได้ใส่มันสินะ! ทำไมเป็นคนแบบนี้เนี่ย!"
"อะไรของนาย ปล่อยได้แล้ว ออกไปจากห้องฉันซักที!"
ผมเงียบไปกับคำพูดที่ฟังเหมือนเขาได้ตัดใยบางๆระหว่างเราออกไปแล้ว กับอีแค่ลืมวันเกิด อีแค่ลืมของขวัญ ถึงกับต้องตัดกันออกไปเลยเหรอ! ไร้เหตุผลชะมัด!
"จะโกรธจะเกลียดที่ลืมวันเกิดลืมของขวัญอะไรก็เชิญ แต่ห้ามใส่สร้อยเส้นนั้น ห้ามทำท่าหมดเยื่อใยแบบนั้นกับฉันเด็ดขาด!"
อารมณ์ที่คุกรุ่นเดือดปุดๆและเริ่มพล่านด้วยความร้อนจากร่างกาย ผมกระชากสร้อยนั้นออก จนมันขาดติดมือออกมา สองมือจับหน้าจิ้มลิ้มนั่นแน่นราวกับกลัวมันจะหลุดลอยออกไป ร่างกายสั่นควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง ความโกรธพลุ่งพล่าน
"ชอบมันมากนักใช่มั้ย!"
วินาทีนั้นเองที่ปากผมประกบเข้าหาปากบางนั่น จนสัมผัสได้ถึงรสชาติภายในของกันและกัน ยิ่งนึกถึงสร้อยนั่น ยิ่งนึกถึงสีหน้าหยิ่งอวดดีของคนตรงหน้า ผมก็ยิ่งอยากระบายออก มือเริ่มไล่ไปทั่วตัว ปากเขยิบไปสัมผัสแก้มเนียมนุ่มอย่างโหยหา...
"ปะปล่อยนะ ไทสุเกะ.. อื้อ"
"..."
"พอได้แล้ว หยะหยุดสิ.."
"..."
ในตอนนี้ไม่มีอะไรจะมารั้งผมได้อีกต่อไป แม้กระทั่งตัวเองก็ไม่สามารถจะห้ามไว้ได้ มือผมสอดเข้าไปในเสื้อคอกลมของร่างบาง สัมผัสนวลเนียนของผิวขาวใส ชวนให้ลิ้มลองชะมัด ผมค่อยๆถกเสื้อขึ้นช้าๆ ...
ตึง!!
จู่ๆมิทสึก็ถีบผมกระเด็นไปยังชั้นหนังสือห้าชั้นล้มลงเทกระจายทั้วพื้น ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเล็ก ใจอยากจะลุกกระโจนไปหามาก ปต่หลังที่เจ็บจนระบมทำให้ลุกไม่ขึ้น เลยได้แต่นอนแผ่ลงกับพื้นท่ามกลางกองซีดีและหนังสือ เจ็บปวดไปหมด อาาา
มิทสึกำลังนั่งมองผมโดยเว้นระยะไว้พอสมควร ควกำลังลังเลใจว่าจะเข้ามาช่วยดีหรือไม่ควรเข้ามายุ่งดี ผมนอนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ารวดร้าว
"เป็นไรรึเปล่า?"
"..."
"เฮ้.."
"..."
"เจ็บมากเลยเหรอ?"
"..."
"นี่ตอบอะไรบ้างสิ"
"..."
มิทสึเขยิบเข้ามาจิ้มๆที่ตัวผมเพื่อเช็คว่าผมยังไหวอยู่รึเปล่า จังหวะนั้นนั่นเองแหละที่ผมได้โอกาสคว้าตัวเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกหลอก เลยพยายามดึงดันฝืน แต่ต่อให้แผ่นดินไหวอีกสองนาทีข้างหน้า หรือภูเขาไฟปะทุอีกห้านาที ผมก็จะไม่มีทาง ไม่มีวันปล่อยนายไปเด็ดขาด
"นายมันบ้าที่สุด!" เขาทั้งสบถทั้งด่าเป็นคำชนิดที่ว่าจะให้ผมเป็นสัตว์พวกนั้นเลย ไม่ต้องกลับมาเป็นคนอีก
"ขอโทษที่ลืมวันเกิดนายนะ" ผมหยุดเสียงก่นด่าด้วยการกระซิบเข้าที่ข้างหูเบาๆ
"..." ได้ผลแฮะ!
"แต่รู้เอาไว้อย่างนะ ฉันไม่มีทางลืมนาย ต่อให้ต้องตายไปกี่ชาติๆก็เถอะ เพราะคนที่ฉันแคร์มากที่สุดก็คือคนที่อยู่ในใจของฉันตลอด ทุกๆวัน ไม่ต้องสนว่าจะเป็นวันพิเศษอะไร แค่มีนายอยู่ทุกๆวันในใจ ทุกวันก็คือวันพิเศษของฉันแล้วล่ะ"
"..." ผมกอดแน่นขึ้นก่อนหอมแก้มฟอดใหญ่ให้หายชื่นใจ และกระซิบที่หูให้ลึกลงไปกว่าเดิม
"สุขสันต์วันเกิดนะ ฮิโรมิทสึ♥︎"
และแล้วในที่สุดของขวัญวันเกิดที่ผมตั้งใจจะฝากการ์ดวางทิ้งให้บนโต๊ะก็ถูกสวมเข้าที่นิ้วของคนตัวเล็กในอ้อมแขน
"ไม่ใช่ว่าทุกวงจะพิเศษเท่ากันหมด เพราะวงนี้จะพิเศษกว่าวงใดๆในโลก สัญลักษณ์ความรักอันเป็นนิรันดร์ของฉันจะอยู่กับนาย...ตลอดไป🍀"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น